มีปัญหาการเรียงตัวของฟัน แต่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะ จัดฟันใส Käse Aligner หรือจะจัดฟันโลหะดี? วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบการจัดฟันทั้งสองประเภทแบบชัด ๆ กันไปเลย ว่าแบบไหนจะเหมาะกับคุณมากที่สุด รับรองหลังอ่านจบเลือกได้แน่นอน
นอกจากจะมีปัญหาการเรียงตัวของฟันแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นอีกคือ เลือกไม่ได้สักทีว่าจะจัดฟันใส Käse Aligner หรือจะจัดฟันโลหะ เห็นอย่างนี้ก็ต้องมาเปรียบเทียบให้ดูกันไปเลยว่าแบบไหนจะใช่สำหรับคุณ เลือกให้เหมาะกับตนเองดีที่สุด
จัดฟันใสKäse Aligner VS จัดฟันโลหะ
- จัดฟันใสKäse Aligner VS จัดฟันโลหะ : อุปกรณ์จัดฟัน
จัดฟันใสKäse Aligner มีอุปกรณ์จัดฟันหลัก ๆ คือ
ชิ้นงานจัดฟันใสที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะบุคคล มีลักษณะคล้ายรีเทนเนอร์ใส มีความใสเป็นธรรมชาติจนมองแทบไม่ออกว่าใส่อยู่ ยืดหยุ่น และทนทาน จึงเป็นมิตรกับช่องปาก ถอดเข้าออกได้ง่าย และต้องถอดทุกครั้งเมื่อรับประทานอาหารหรือทำความสะอาดช่องปาก เพราะฉะนั้นจึงไม่รบกวนการรับประทานอาหาร และคุณยังสามารถทำความสะอาดช่องปากได้สะดวกเหมือนเดิม อีกทั้งยังมี PowerCompose หรือ ปุ่ม Attachment ทันตแพทย์จะติดไว้บนฟัน โดยการติดปุ่มจะดีไซน์ให้เหมาะสมกับการการแก้ปัญหาของแต่ละบุคคล ปุ่มดังกล่าวจะทำหน้าที่ควบคุมแรงและทิศทางการเคลื่อนที่ของฟันให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
จัดฟันโลหะ มีอุปกรณ์จัดฟันหลัก ๆ คือ
เครื่องมือจัดฟันโลหะทุกชิ้นจะออกแบบมาให้ทำงานร่วมกัน ซึ่งจะมีผลต่อการเคลื่อนที่ของฟัน โดยมีลวดจัดฟันที่นำมาร้อยกับแบร็กเก็ตและมียางรัดฟันดึงไว้ ทำหน้าที่ร่วมกันในการดึงฟันให้เรียงตัวในตำแหน่งที่เหมาะสม
- จัดฟันใสKäse Aligner VS จัดฟันโลหะ : วิธีการเคลื่อนฟัน
หลักการการเคลื่อนที่ฟันของการจัดฟันใสKäse Aligner
อุปกรณ์จัดฟันใสที่ทำมาจากวัสดุพลาสติกที่ออกแบบตามลักษณะฟันของแต่ละบุคคลจะใส่ครอบลงไปบนฟัน ซึ่งจะทำงานร่วมกับปุ่ม Attachment ที่ติดบนฟัน โดยจะทำการออกแรงกระทำบนฟันเพื่อให้ฟันเคลื่อนไปในยังตำแหน่งที่ต้องการ ตัวปุ่ม Attachment จะมีรูปลักษณะที่แตกต่างกันเพื่อทำหน้าที่ควบคุมและบังคับทิศทางการเคลื่อนที่ของฟัน เช่น เคลื่อนฟันซ้าย-ขวา บน-ล่าง ตามแผนการรักษา โดยแต่ละคนก็จะติดปุ่มในตำแหน่งที่แตกต่างกันไป
เมื่อฟันเคลื่อนที่ อุปกรณ์จะใช้แรงผลักในการดึงออกหรือดันฟันเข้า ซึ่งการจัดฟันใสนั้นจะมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น เครื่อง Intraoral Scanner หรือเครื่องสแกนฟัน 3 มิติ รวมถึงการใช้ซอฟต์แวร์ดิจิทัลเข้ามาช่วยเรื่องการจำลองการเคลื่อนที่ของฟัน เพื่อคำนวณทิศทางการเข้าที่ของฟันให้เกิดความแม่นยำมากที่สุด
หลักการการเคลื่อนที่ฟันของการจัดฟันโลหะ
เมื่อนำลวดจัดฟันมาร้อยกับแบร็กเก็ตที่ยึดติดกับฟันและยึดไว้กับยางรัดฟัน ตัวลวดจะทำหน้าที่บังคับและใช้แรงดึงฟันไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง ซึ่งทันตแพทย์จะเป็นผู้กำหนดและวางแผนการรักษาไว้แล้ว โดยทันตแพทย์จะค่อย ๆ ขยับลวดเพื่อดึงฟันของคุณให้อยู่ในแนวเดียวกัน นอกจากนี้ยังมียางดึงฟันที่ทำให้ฟันมีการเคลื่อนตัวได้ โดยยางดึงฟันมีหลายขนาดและให้แรงดึงที่แตกต่างกัน การใส่ยางดึงฟันต้องอาศัยวินัยของคนไข้อย่างเคร่งครัด ถึงจะทำให้ผลลัพธ์ในการรักษาเกิดประสิทธิภาพและตรงตามแผนการรักษาที่ทันตแพทย์ได้วางไว้ให้มากที่สุด
- จัดฟันใสKäse Aligner VS จัดฟันโลหะ : ระยะเวลาในการจัดฟัน
ระยะเวลาการจัดฟันใสKäse Aligner เร็วกว่าการจัดฟันโลหะถึง 2 เท่า
- กรณีไม่ถอนฟัน จะใช้ระยะเวลาในการจัดฟันใส Käse Aligner เพียง 3 เดือน – 1 ปี
- กรณีถอนฟัน จะใช้ระยะเวลาในการจัดฟันใส Käse Aligner ประมาณ 1 – 2 ปี
ระยะเวลาจัดฟันใส่โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 6 เดือน – 1 ปี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัญหาฟันของแต่ละบุคคล การดูแลสุขอนามัยในช่องปาก และวินัยในการใส่เครื่องมือจัดฟันใสอย่างน้อยวันละ 20 ชั่วโมงด้วย
ระยะเวลาการจัดฟันโลหะ
จัดฟันโลหะมักใช้เวลาในการจัดฟันราว ๆ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับปัญหาการเรียงตัวของฟันของแต่ละบุคคล และวินัยในการดูเเลฟัน รวมทั้งการพบทันตแพทย์ตามนัดทุกเดือน
- จัดฟันใส Käse Aligner VS จัดฟันโลหะ : การนัดหมายของทันตแพทย์
การนัดหมายของทันตแพทย์กรณีจัดฟันใสKäse Aligner
ทันตแพทย์จะนัดหมายเพื่อตรวจเช็คความคืบหน้าในการจัดฟันเป็นระยะ ๆ พร้อมรับชิ้นงานจัดฟันใสชุดถัดไปด้วย ซึ่งทุกขั้นตอนในการรักษา จะอยู่ภายใต้การดูแลของทันตแพทย์ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยปกติแล้วหลังจากรับชิ้นงานชิ้นแรกไป ทันตแพทย์จะให้ชิ้นงานกับคนไข้ให้เพียงพอต่อการใส่เพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น เพื่อทำการนัดหมายล่วงหน้าเพื่อ Follow up หากเบื้องต้นทุกอย่างอยู่ในการรักษาที่ดีเยี่ยม เป็นไปตามที่ทันตแพทย์วางแผน รวมไปถึงคนไข้เองมีวินัยอย่างเคร่งครัดในการใส่อุปกรณ์จัดฟันใส คุณสามารถแจ้งทันตแพทย์เพื่อขอรับชิ้นงานเพิ่มเติมเพื่อยืดระยะเวลาในการมาพบทันตแพทย์ได้ สูงสุด 2 – 3 เดือน แล้วแต่เคส
การนัดหมายของทันตแพทย์กรณีจัดฟันโลหะ
การจัดฟันโลหะทันตแพทย์จะนัดหมายพบคนไข้ในทุก ๆ เดือน เพราะลวดที่เคยออกแรงผลักฟันให้เคลื่อนที่จะถูกปรับให้เหมาะสมกับการเคลื่อนได้ทีละน้อยเท่านั้น ถ้าเคลื่อนเร็วไปขากรรไกรจะสร้างกระดูกไม่ทัน ฟันจะล้มได้ คนจัดฟันโลหะจึงจำเป็นต้องกลับมาให้ทันตแพทย์ปรับลวดทุกเดือนเพื่อปรับระดับแรงในการเคลื่อนฟันที่เหมาะสม ทำให้ฟันเคลื่อนที่ทีละนิดอย่างมีคุณภาพ รวมไปถึงการตรวจเช็คระยะว่าแรงที่ใส่ไปนั้นเหมาะสมหรือไม่ หรือคุณมีอาการของโรคอื่น ๆ แทรกซ้อนด้วยหรือไม่ จะได้แก้ไขได้ทันเวลา รวมถึงเพื่อเปลี่ยนยางรัดฟันที่สะสมไปด้วยคราบสกปรกและจุลินทรีย์ที่อาจทำให้มีกลิ่นปาก และถ้าปล่อยใส่ยางรัดฟันเดิมไว้นาน ๆ ยางอาจมีการเปื่อยจนรัดไม่แน่น ฟันจึงไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
- จัดฟันใส Käse Aligner VS จัดฟันโลหะ : ราคา
จัดฟันใสKäse Aligner
ราคาเริ่มต้น 49,000 บาท ไม่จำกัดจำนวนชิ้นงานทุกกรณี ราคารวมค่าอปุกรณ์จัดฟันใสเพิ่มเติมตลอดการรักษาหากยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
- Käse Aligner Starter Package ราคา 49,000 บาท
กรณีเคสที่มีปัญหาฟันเพียงเล็กน้อย ต้องการแก้ไขแค่ฟันหน้า เหมาะสำหรับคนไข้ที่เคยจัดฟันมาแล้วหรือมีปัญหาปัญหาฟันห่าง ฟันซ้อนเก เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยไม่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว หรือปัญหาการสบฟันในฟันหลังหรือฟันกราม
- เคสไม่ถอนฟัน ราคา 69,000 บาท
สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ตั้งแต่เคสง่ายจนถึงเคสยากสำหรับเคสที่ไม่ต้องถอนฟัน สามารถเคลื่อนฟันได้ทุกซี่ตั้งแต่ฟันซี่หน้า จนถึงฟันหลัง ตามวินิจฉัยของทันตแพทย์และแผนการรักษา
- เคสถอนฟัน ราคา 89,000 บาท
สามารถแก้ไขปัญหาฟันทุกอย่างที่เป็นเคสถอนฟัน เหมาะสำหรับเคสที่มีฟันซ้อนเกเยอะ ฟันยื่น ขากรรไกรยื่น หรือ ฟันล่าง คร่อมฟันบน รวมทั้งสามารถปรับรูปปาก เช่น แก้ปัญหารูปปากอูม ได้อีกด้วย
จัดฟันโลหะ
ราคาแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ เคสไม่ถอนฟันมีราคาเริ่มต้นประมาณ 40,000 บาท และเคสถอนฟันมีราคาเริ่มต้นประมาณ 49,000 บาท
เทียบชัดระหว่าง จัดฟันใส Käse Aligner VS จัดฟันโลหะ ใครสะดวกแบบไหนก็เลือกได้เลย แต่ถ้าใครชอบความรวดเร็ว ขั้นตอนน้อย ไม่ยุ่งยาก และไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ก็ต้องเลือกจัดฟันใส Käse Aligner ทางเลือกที่ใช่สำหรับคุณ