ดูเหมือนว่า “ฟันของคุณน่าจะมีปัญหา ฟันไม่สบกัน “ สังเกตเห็นปัญหาได้อย่างชัดเจนแบบนี้แล้ว จะจัดการด้วยวิธีไหนจึงจะแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากที่สุด มาดูกันเลย
สังเกตดี ๆ ฟันของคุณอาจมีปัญหาฟันไม่สบกัน
ฟันไม่สบกันสังเกตได้ไม่ยาก เพราะเมื่อฟันสบกันแล้ว แต่กลับมีช่องว่างระหว่างฟันบนและฟันล่าง แสดงให้เห็นว่าฟันสบกันได้ไม่สนิท ลักษณะเช่นนี้เรียกว่า ฟันไม่สบกันหรือฟันสบเปิด (Open Bite) ถ้าใครสงสัยว่าตนเองอาจมีปัญหานี้ ให้ลองกัดฟันดู หากฟันบนและฟันล่างของคุณเปิดห่างจากกันขณะกัดฟัน อาจสรุปได้ว่าฟันของคุณน่าจะมีปัญหาฟันสบเปิด หรือทางที่ดี ควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และรักษาได้ทันท่วงที เพราะฟันไม่สบกันปล่อยไว้นานก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดี
ฟันไม่สบกันรีบจบโดยเร็ว ก่อนผลกระทบเหล่านี้จะเกิดขึ้น
- ฟันไม่สบกันสร้างผลกระทบต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพ เช่น ออกเสียงพูดไม่ชัดเจน โครงสร้างใบหน้าและรูปปากผิดปกติ ไม่กล้ายิ้มเห็นฟันได้อย่างเต็มที่ บางคนไม่มั่นใจที่จะพูดคุยหรือเข้าสังคมอยู่ร่วมกับผู้อื่น
-
- ฟันไม่สบกันสร้างผลกระทบต่อการบดเคี้ยว เช่น กัดหรือบดเคี้ยวอาหารได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ กัดอาหารบางจำพวกไม่ขาด การกลืนผิดปกติ
- ฟันไม่สบกันสร้างผลกระทบต่อสุขภาพฟัน เช่น การสบฟันที่ผิดปกติส่งผลต่อความแข็งแรงของฟัน เพราะฟันบางซี่อาจได้รับแรงกระทำมากกว่าปกติจนในระยะยาวอาจโยกคลอน และฟันสึกได้ง่าย
เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบเหล่านี้ จุดเริ่มต้นของการจัดการปัญหาฟันที่ดีที่สุด คือ การรีบพบทันตแพทย์เพื่อหาวิธีแก้ไขที่เหมาะสม เช่นเดียวกับคนไข้เคสนี้ที่ตัดสินจัดการปัญหาฟันไม่สบกัน และฟันไม่เรียงตัวด้วยการจัดฟันใส Käse Aligner
ด้วยคุณสมบัติเฉพาะของเครื่องมือจัดฟันใส Käse Aligner ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาในการออกแบบฟัน ร่วมกับการวางแผนการรักษาที่รัดกุมและตรงจุดของทันตแพทย์ รวมไปถึงมีปุ่ม Attachment ที่ติดอยู่บนฟัน ทำหน้าที่ควบคุมแรงและทิศทาง ให้สามารถเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การรักษาของเคสนี้ใช้เวลาในการจัดฟันใสเพียง 8 เดือน ก็สามารถจบปัญหาฟันไม่สบกันได้แล้ว
ยิ้มรับฟันเรียงสวยไร้ปัญหาฟันไม่สบกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เลือกจัดฟันใส Käse Aligner ทางเลือกที่ใช่ที่ช่วยแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันในทุกรูปแบบให้คุณได้